[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ช่วงนี้ หันหน้าไปทางไหนก็เจอะเจอแต่คนหยิบ iPad หรือไม่ก็แท็บเล็ต Android ขึ้นมาทำโน่นทำนี่ บ้างก็พิมพ์อะไรบางอย่างบนหน้าจอ หรือไม่ก็ใช้สไตลัสเขียนข้อความอย่างเมามัน หรืออย่างน้อยที่สุดก็หยิบมันขึ้นมาดูเฟซฯ เล่นไลน์ ท่องเว็บ หรือดูหนัง แต่กลับน้อยครั้งมากที่เดียวที่เห็นคนหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมา (โชว์พาว) เหมือนแต่ก่อน จนเกิดคำถามกับตัวเองว่า หรือถึงเวลาแล้วที่เราควรจะเลิกใช้โน้ตบุ๊ก แล้วไปซื้อแท็บเล็ตมาใช้แทนดีกว่า มีคำแนะนำบ้างไหมคะ?
My Blogs
วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
อยากทราบว่า เลิกใช้โน้ตบุ๊กดีไหม แล้วหันไปใช้"แท็บเล็ต"แทนดีกว่า...หรือเปล่า
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ช่วงนี้ หันหน้าไปทางไหนก็เจอะเจอแต่คนหยิบ iPad หรือไม่ก็แท็บเล็ต Android ขึ้นมาทำโน่นทำนี่ บ้างก็พิมพ์อะไรบางอย่างบนหน้าจอ หรือไม่ก็ใช้สไตลัสเขียนข้อความอย่างเมามัน หรืออย่างน้อยที่สุดก็หยิบมันขึ้นมาดูเฟซฯ เล่นไลน์ ท่องเว็บ หรือดูหนัง แต่กลับน้อยครั้งมากที่เดียวที่เห็นคนหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมา (โชว์พาว) เหมือนแต่ก่อน จนเกิดคำถามกับตัวเองว่า หรือถึงเวลาแล้วที่เราควรจะเลิกใช้โน้ตบุ๊ก แล้วไปซื้อแท็บเล็ตมาใช้แทนดีกว่า มีคำแนะนำบ้างไหมคะ?
Tip: คู่มือ"โน้ตบุ๊ก"แนะนำให้ใช้แบตฯ จนหมด เพื่อยืดอายุการใช้งาน จริงอ่ะ
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] คำถามคลาสสิกที่ยังคงมีการสอบถามเข้ามาเป็นระยะๆ วันนี้ทางกองบรรณาธิการเว็บไซต์ arip ก็เลยถือโอกาสหยิบมาตอบกันอีกครั้ง เพื่อความชัดเจน และกระชับยิ่งขึ้น คำถามที่ว่านี้เกิดจากความสงสัยที่ว่า คู่มือโน้ตบุ๊กแนะนำให้ใช้แบตฯ จนหมด เพื่อว่าจะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตฯ ได้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ใช้ว่ามันเป็นความจริง หรือไม่? และเขาควรทำตาม หรือเปล่า?
คำตอบคือ สิ่งที่ระบุในคู่มือนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้องแล้วครับ!!! แบตเตอรี่ลิเธียมอิออนที่ใช้ในโน้ตบุ๊ก และแก็ดเจ็ตโมบายต่างๆ จะมีตัววัดประจุไฟฟ้าที่อยู่ภายใน (internal charge meter) ที่บอกสถานะการชาร์จ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ความแม่นยำของมันจะลดลง ผลลัพธ์คือ การรายงานประจุไฟฟ้าในแบตฯจะคลาดเคลื่อน โดยอาจจะมาก หรือน้อยกว่าความเป็นจริงก็ได้ นั่นคือ สาเหตุที่บางครั้งเราพบว่า พอใช้อุปกรณ์ไปนานๆ ทำไมบางครั้งแบตฯ หมดเร็ว ทั้งๆ ที่เพิ่งชาร์จเต็ม (ความจริงมันไม่เต็ม)
ดังนั้น การใช้แบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊ก หรืออุปกรณ์แก็ดเจ็ตต่างๆ ให้หมดสนิทสัก 2 - 3 ครั้งต่อปี จะช่วยให้ตัววัดของแบตเตอรี่ได้เริ่มต้นปรับแต่งการวัดของมันอีกครั้ง สำหรับขั้นตอนการทำก็คือ ให้คุณชาร์จแบตฯ โน้ตบุ๊กจนเต็ม จากนั้นถอดปลั๊ก และใช้งานตามปกติจนกว่าแบตฯ จะหมด เมื่อเครื่องปิดแล้ว รีชาร์จแบตฯ ให้เต็มอีกครั้ง เป็นอันเรียบร้อย คราวนี้นอกจากคุณจะไม่ต้องงงกับแบตฯที่หมดเร็วเกินเหตุแล้ว การใช้งานแบตฯ ลักษณะนี้ยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับแบตฯ อีกด้วย
คำตอบคือ สิ่งที่ระบุในคู่มือนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้องแล้วครับ!!! แบตเตอรี่ลิเธียมอิออนที่ใช้ในโน้ตบุ๊ก และแก็ดเจ็ตโมบายต่างๆ จะมีตัววัดประจุไฟฟ้าที่อยู่ภายใน (internal charge meter) ที่บอกสถานะการชาร์จ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ความแม่นยำของมันจะลดลง ผลลัพธ์คือ การรายงานประจุไฟฟ้าในแบตฯจะคลาดเคลื่อน โดยอาจจะมาก หรือน้อยกว่าความเป็นจริงก็ได้ นั่นคือ สาเหตุที่บางครั้งเราพบว่า พอใช้อุปกรณ์ไปนานๆ ทำไมบางครั้งแบตฯ หมดเร็ว ทั้งๆ ที่เพิ่งชาร์จเต็ม (ความจริงมันไม่เต็ม)
วิธีป้องกันมะเร็งเบื้องต้น ทุกคนทำได้
วิธีป้องกันมะเร็งเบื้องต้น ทุกคนทำได้ |
มะเร็งเป็นโรคที่ใครๆ ต่างก็หวาดกลัว เพราะว่าเมื่อเป็นแล้วมักเกิดอาการเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน อีกทั้งอาจมีอาการลุกลามจากอีกที่เป็นอยู่บริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณหนึ่งได้ และส่วนใหญ่มักคิดว่ารักษาไม่หายแน่ๆ แต่จริงๆ แล้ว โรคมะเร็งบางชนิดสามารถป้องกันและรักษาให้หายขาดได้ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มเป็นใหม่ๆ ดังนั้น วันนี้ผู้เขียนจึงมานำเสนอแนวทางในการดูแลสุขภาพตนเองเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็ง
1.ตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี
เป็นสิ่งจำเป็นมากเพื่อที่จะรู้ว่าเรามีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงอยู่หรือไม่ ส่วนใหญ่คนที่เป็นมะเร็งแล้วรักษาไม่หายหรือรักษาไม่ทัน เพราะกว่าผู้ป่วยจะรู้แน่ว่าตนเป็นโรคมะเร็ง ก็มีอาการอยู่ในขั้นที่ถือว่ารุนแรงแล้ว บางคนปวดท้องมาตลอดก็คิดเอาเองว่าเป็นโรคกรดไหลย้อนบ้าง โรคกระเพาะบ้าง ก็ซื้อยามากินเอาเองตามที่เข้าใจไม่ยอมไปพบแพทย์ บางคนปวดหัวก็คิดเอาเองว่าเครียดหรืออาจเป็นไข้นิดหน่อย กินยาแก้ปวดเอาเองก็ได้ แต่จริงๆ แล้วอาการเหล่านี้อาจเป็นอาการเตือนเราถึงโรคที่ร้ายแรงกว่านั้นเช่นโรคมะเร็งก็ได้ ดังนั้น นอกจากการตรวจร่างกายประจำทุกปีแล้วก็ควรรีบไปพบแพทย์ทุกครั้งเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย หรือมีสิ่งผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย เช่น มีตุ่ม หรือเนื้องอกเกิดขึ้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายหรือมีเลือดออกผิดปกติ จะทำให้เรายังมีเวลาที่จะรักษาอาการได้ไปอีกนาน
2.เลือกรับประทานอาหารที่ช่วยต้านมะเร็ง
มีงานวิจัยที่กล่าวถึงอาหารที่มาจากผักและผลไม้หลายชนิดที่มีสารต้านมะเร็งได้ ซึ่งได้แก่
- ผักและผลไม้ บางประเภทมีสารที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในการทำลายเซลล์ที่ก่อมะเร็ง สามารถเปลี่ยนเซลล์มะเร็งให้เป็นเซลล์ปกติได้ อีกทั้ง สามารถยับยั้งการเกิดสารมะเร็งในร่างกายและมีสารต้านมะเร็ง ได้แก่คะน้า บร็อกโคลี กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก มะเขือเทศ กระเทียม หัวหอม ขึ้นฉ่าย ผักโขม แครอท แอปเปิล ส้ม บีทรูท เห็ดหลินจือ
- ชาเขียว ประกอบด้วย สารคาเทชินและสารเคมีอีกหลายชนิด ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระในระดับที่สูง จึงช่วยป้องกันโรคมะเร็ง รวมถึงลดการเติบโตของมะเร็งได้
- น้ำสะอาด ช่วยทำความสะอาดและขจัดสารพิษสิ่งสกปรกออกจากเซลล์ในร่างกาย ควบคุมสมดุลกรดด่างและยังนำสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่เซลล์ด้วย จึงควรดื่มน้ำสะอาดในอุณหภูมิปกติให้ได้วันละอย่างน้อย 6-8 แก้ว
- ธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวสาลี ช่วยป้องกันมะเร็งในลำไส้ใหญ่ งาดำ มีสารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยต่อต้านมะเร็ง ลูกเดือย ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกจึงลดการเกิดโรคมะเร็งได้
การหยุดรับประทานเนื้อสัตว์สีแดงและหันมาเลือกรับประทานอาหารที่เป็นพวกธัญพืชแทน จะทำให้ร่างกายสะอาดและช่วยลดอาการของโรคมะเร็งได้ ผู้เขียนรู้จักคนหลายคนที่เป็นมะเร็งแล้วสามารถหายจากโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ได้โดยการรับประทานอาหารที่เป็นพวกธัญพืช
3.งดสูบบุหรี่และงดดื่มสุรา
ทั้งบุหรี่และสุรา ล้วนให้โทษต่อร่างกาย เพราะในบุหรี่มีสารนิโคตินซึ่งเป็นสารพิษที่สามารถดูดซึมเข้าทางผิวหนังของร่างกายได้ อีกทั้งมีน้ำมันดิน ที่ประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิดที่มีสารก่อมะเร็ง ดังนั้น การสูบบุหรี่จึงเสี่ยงต่อการทำให้เป็นโรคมะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งตับ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งช่องปาก ส่วนในสุรานั้นมีสารอีทานอล ซึ่งเมื่อเข้าสู่การเผาผลาญของร่างกายที่จะกลายเป็นสารที่ก่อมะเร็ง การดื่มสุรานั้นจึงทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งเมื่อมีโทษมากมายเช่นนี้แล้วจึงควรงดให้ขาดให้ได้ทั้งสองอย่าง
4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยทำให้น้ำหนักตัวคงที่และไม่อ้วน เพราะการมีน้ำหนักมากเกินไปเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งมดลูก เพราะไขมันที่เป็นพิษมันฝังอยู่ตามส่วนของร่างกาย นอกจากนี้ เมื่อเราได้ออกกำลังกายจะทำให้การเผาผลาญออกซิเจนของร่างกายสูงขึ้น ซึ่งคณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยโคโอปิโอ (Kuopio) พบว่า ผู้ที่ออกกำลังเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30 นาที จะเป็นมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติถึงครึ่งต่อครึ่ง
5.ทำจิตใจให้สบาย
เมื่อมีความทุกข์ กังวล หรือเครียด ต้องพยายามลดความเครียดและความกังวลให้ได้โดยทำความคิดและจิตใจให้ปลอดโปร่ง ปล่อยวาง มองโลกในมุมที่สดใส แม้ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่าความเครียดส่งผลต่อการเกิดโรคมะเร็งโดยตรงหรือไม่ แต่ที่แน่นอนคือความเครียดจากการเป็นโรคต่าง ๆ อาจยิ่งทำให้ร่างกายหรือโรคนั้นกำเริบขึ้นซึ่งอาจส่งผลให้กลายเป็นมะเร็งต่อไปได้
แม้โรคมะเร็งจะเป็นโรคร้ายที่ใครๆ ต่างก็หวาดกลัว แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะป้องกันหรือระงับอาการของมันไม่ได้ ผู้เขียนจึงอยากให้ผู้อ่านหมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทำจิตใจให้สบาย แม้บางกรณีอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยตรงเพราะอาจมาทางกรรมพันธุ์ แต่อย่างน้อยเมื่อเป็นแล้วเราจะสู้กับมันให้ถึงที่สุด และสามารถฝ่าฟันเอาชนะโรคนี้ให้ได้ในที่สุด ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์
|
8 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ด้วย"กระป๋องเบียร์"
8 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ด้วย"กระป๋องเบียร์" |
สำหรับคุณผู้อ่านที่รู้สึกว่า สัญญาณ Wi-Fi ของเราท์เตอร์ที่บ้านไม่แรงพอ ทดลองทำตาม 8 ขั้นตอนง่ายๆ ต่อไปนี้ดู บางทีอาจช่วยให้สํญญาณ Wi-Fi แรงขึ้นจาก 2 แท่งเป็น 4 - 5 แท่งเลยก็ได้ ที่สำคัญมันใช้แค่กระป๋องเบียร์ หรือกระป๋องเครื่องดืมน้ำอัดลมทั่วไปกับเครื่องไม้เครื่องมือไม่กี่ชิ้นเท่า นั้น นับเป็นไอเดียที่ฉลาดมากทีเดียว แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ว่าแล้วไปติดตามรายละเอียดการทำกันเลยดีกว่าครับ
1. ขั้นตอนแรกให้คุณเตรียมอุปกรณ์ และต้องใช้ ซึ่งประกอบด้วย กระป๋องน้ำอัดลมที่ทำจากอะลูมิเนียม กรรไกร คัทเตอร์คมๆ และดินน้ำมันกาว (Blu tack) ดังรูป
2. ทำความสะอาดกระป๋องด้วยน้ำสะอาดจนมั่นใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ภายใน
3. ดึงวงแหวนที่ปากกระป๋องทิ้งไป
4. ใช้คัทเตอร์ตัดก้นกระป๋องออกไปดังรูป
5. หลังจากนั้นนำคัทเตอร์มาตัดอีกด้านหนึ่งของกระป๋อง (ด้านที่ดึงวงแหวนออกไป) แต่ต้องตัดไม่ครบวงรอบ โดยเหลือช่วงที่ไม่ตัดให้ขาดออกใกล้ๆ กับช่องที่ใช้ปากดื่ม ข้อสังเกตคือ ระยะที่ตัดพยายามให้อยู่ใกล้ขอบกระป๋องมากที่สุดดังรูป
6. นำกรรไกรมาตัดข้างกระป๋องเป็นเส้นตรง โดยตำแหน่งที่ตัดจะอยู่ตรงข้ามกับด้านที่ติดขอบกระป๋อง
7. ค่อยๆ ใช้มือกางกระป๋องที่ตัดให้กว้างออกมาคล้ายๆ กับจานเรดาร์รับสัญญาณ
8. ติดดินน้ำมันกาวที่ด้านล่างองกระป๋อง แล้วนำกระป๋องไปสวมลงบนเสาอากาศของเราทเตอร์ผ่านทางช่องที่ใช้ปากดื่ม โดยดินน้ำมันกาวจะยึดปากกระป๋องเข้ากับด้านบนของเราท์เตอร์ จากนั้นจัดตำแหน่งให้เหมือนในรูปข้างล่างนี้
หลังจากทำเสร็จแล้ว ทดลองเปิดเราท์เตอร์ให้ทำงาน แล้วสังเกตแท่งสัญญาณที่แสดงบนทาสก์บาร์ของ Windows บนโน้ตบุ๊คของคุณ โดยพยายามหันด้านทีสะท้อนสัญญาณของเสามาให้ตรงกับโน้ตบุ๊ค ลองดูว่า แท่งสัญญาณจะเพิ่มขั้นหรือไม่? ขอให้คุณผู้อ่านของเว็บไซต์ arip ที่่ลองทำตาม สามารถเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ได้แรงขึ้นดังที่ใจต้องการ โดยทั่วกันนะครับ
ที่มา : arip.co.th
|
FAQ คืออะไร
FAQ คืออะไร |
FAQ ย่อมาจาก Frequently Asked Questions ซึ่งหมายถึงคำถามที่พบได้บ่อย หรือคำถามยอดฮิตนั่นเอง โดยมากนิยมเรียกกันว่า "แฟค" หรือเรียกตามตัวย่อว่า "เอฟเอคิว" FAQ ซึ่งมีต้นกำเนิดจากกลุ่มสนทนาทางอินเทอร์เน็ต "ยูสเน็ต" (UseNet) เป็นการรวบรวมกลุ่มคำถามและคำตอบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเดียวกันเอาไว้ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการโพสต์คำตอบของคำถามพื้นฐานเดิมๆ ทั้งนี้ การโพสต์คำถามซ้ำหัวข้อที่มีอยู่ใน FAQ แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องไม่สุภาพในวัฒนธรรมยูสเน็ต เพราะแสดงให้เห็นว่าผู้ถามไม่ได้อ่านให้ดีก่อนที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เนื้อหาที่ประกอบด้วยคำถามและคำตอบมักถูกเรียกว่า FAQ ไม่ว่าจะเป็นคำถามที่ถามกันบ่อยๆ จริงหรือไม่ และปัจจุบันแนวคิดนี้ก็แพร่หลายออกจากอินเทอร์เน็ต ทำให้มีการระบุถึง FAQ ในเอกสารใบปลิวต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตเลย บนอินเทอร์เน็ตมี FAQ ในหลากหลายหัวข้อ และเว็บไซต์จำนวนมากก็ได้รวบรวมไว้ให้สามารถค้นหาได้ง่าย เช่น เว็บไซต์ของสมาคมอินเทอร์เน็ต FAQ |
คิดเลข คำนวณสูตรผ่าน Google
คิดเลข คำนวณสูตรผ่าน Google |
หากเราต้องการคำนวณตัวเลขแบบต่าง ๆ เช่น บวก ลบ คูณ หาร ไปจนถึงการถอดสแควร์รูท เว็บไซต์ Google สามารถช่วยเราคำนวณได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องไปหาเครื่องคิดเลขให้วุ่นวาย โดยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการคำนวณมีดังต่อไปนี้
วิธีคิดเลข คำนวณสูตรผ่าน Google
1. เปิดหน้าเว็บไซต์ www.google.co.th
2. พิมพ์ (502+412)*5 แล้วกดปุ่ม ค้นหาด้วย Google
3. จากนั้นเว็บก็จะแสดงผลลัพธ์ที่คำนวณออกมา
|
ตรวจสอบสภาพอากาศทั่วโลกก่อนเดินทางใน Google
ตรวจสอบสภาพอากาศทั่วโลกก่อนเดินทางใน Google |
เราสามารถตรวจดูสภาพอากาศทั่วโลกจากเว็บไซต์ Google ได้ เพียงพิมพ์คำว่า weather ตามด้วย ชื่อเมืองที่ต้องการ เราก็สามารถเตรียมพร้อมก่อนแพ็คกระเป๋าเดินทางได้อย่างมั่นใจ ในตัวอย่างต่อไปนี้หากเราต้องการทราบสภาพอากาศของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็ให้พิมพ์คำว่า weather london ในช่อง Search ของ Google ดังนี้
วิธีตรวจสอบสภาพอากาศทั่วโลกก่อนเดินทาง
1. เปิดหน้าต่างเว็บไซต์ www.google.co.th
2. พิมพ์ weather london แล้วกดปุ่ม ค้นหาด้วย Google
3. จากนั้นเราก็จะทราบสภาพอากาศในวันต่าง ๆ ของกรุงลอนดอนได้ทันที
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)