วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อยากทราบว่า เลิกใช้โน้ตบุ๊กดีไหม แล้วหันไปใช้"แท็บเล็ต"แทนดีกว่า...หรือเปล่า




อยากทราบว่า เลิกใช้โน้ตบุ๊กดีไหม แล้วหันไปใช้"แท็บเล็ต"แทนดีกว่า...หรือเปล่า


[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th]
 ช่วงนี้ หันหน้าไปทางไหนก็เจอะเจอแต่คนหยิบ iPad หรือไม่ก็แท็บเล็ต Android ขึ้นมาทำโน่นทำนี่ บ้างก็พิมพ์อะไรบางอย่างบนหน้าจอ หรือไม่ก็ใช้สไตลัสเขียนข้อความอย่างเมามัน หรืออย่างน้อยที่สุดก็หยิบมันขึ้นมาดูเฟซฯ เล่นไลน์ ท่องเว็บ หรือดูหนัง แต่กลับน้อยครั้งมากที่เดียวที่เห็นคนหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมา (โชว์พาว) เหมือนแต่ก่อน จนเกิดคำถามกับตัวเองว่า หรือถึงเวลาแล้วที่เราควรจะเลิกใช้โน้ตบุ๊ก แล้วไปซื้อแท็บเล็ตมาใช้แทนดีกว่า มีคำแนะนำบ้างไหมคะ?

เป็นคำถามที่ถูกถามเป็นประจำ คำตอบที่ยืนอยู่บนหลักการและเหตุผลก็คือ คุณ"อาจ"จะสามารถใช้ชีวิตอยู่กับ"แท็บเล็ต"เพียงอย่างเดียวได้ หากความจำเป็นในการใช้งานของคุณคือ เอาไว้ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ และเช็คอินเฟซบุ๊ก ตลอดจนโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ซึ่งความจริงแล้ว แท็บเล็ต มีความสามารถเก่งกาจไม่แพ้โน้ตบุ๊ก หรือบางทีอาจจะเก่งกว่าด้วยซ้ำ อีกทั้งมันยังสะดวกพกพาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หากคุณจำเป็นต้องสร้างเอกสารยาวๆ เยอะๆ หรือทำงานซีเรียส ตลอดจนการสืบค้นข้อมูล และเขียนงานต่างๆ สร้างงานนำเสนอ หรือใช้สเปรดชีททำงาน เพราะมันต้องการความคล่องตัวในการทำงาน หากความต้องการใช้งานของคุณเป็นแบบนี้ อุปกรณ์ที่เหมาะกับคุณก็คือ โน้ตบุ๊ก อีกประเด็นหนึ่งก็คือ แอพฯ บนแท็บเล็ตหลายๆ ตัวก็ไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างสมบูรณ์เท่ากับโปรแกรมบนโน้ตบุ๊กเสียทีเดียว ซึ่งหากจะสรุปให้ง่ายที่สุด แท็บเล็ต เหมาะกับการบันเทิงมากกว่าการใช้งานอย่างจริงจัง แม้มันจะทำได้ก็ตาม ในขณะที่โน้ตบุ๊กตอบโจทย์ได้ทั้งด้านบันเทิง และทำงาน ช่วงนี้ตาอยู่ที่กำลังพยายามเข้ามาเสียบตรงนี้ก็คือ ไฮบริด"โน้ตบุ๊ก-แท็บเล็ต" ที่เป็นได้ทั้งแท็บเล็ต และโน้ตบุ๊ก

Tip: คู่มือ"โน้ตบุ๊ก"แนะนำให้ใช้แบตฯ จนหมด เพื่อยืดอายุการใช้งาน จริงอ่ะ



1

Tip: คู่มือ"โน้ตบุ๊ก"แนะนำให้ใช้แบตฯ จนหมด เพื่อยืดอายุการใช้งาน จริงอ่ะ


[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] คำถามคลาสสิกที่ยังคงมีการสอบถามเข้ามาเป็นระยะๆ วันนี้ทางกองบรรณาธิการเว็บไซต์ arip ก็เลยถือโอกาสหยิบมาตอบกันอีกครั้ง เพื่อความชัดเจน และกระชับยิ่งขึ้น คำถามที่ว่านี้เกิดจากความสงสัยที่ว่า คู่มือโน้ตบุ๊กแนะนำให้ใช้แบตฯ จนหมด เพื่อว่าจะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตฯ ได้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ใช้ว่ามันเป็นความจริง หรือไม่? และเขาควรทำตาม หรือเปล่า?

คำตอบคือ สิ่งที่ระบุในคู่มือนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้องแล้วครับ!!! แบตเตอรี่ลิเธียมอิออนที่ใช้ในโน้ตบุ๊ก และแก็ดเจ็ตโมบายต่างๆ จะมีตัววัดประจุไฟฟ้าที่อยู่ภายใน (internal charge meter) ที่บอกสถานะการชาร์จ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ความแม่นยำของมันจะลดลง ผลลัพธ์คือ การรายงานประจุไฟฟ้าในแบตฯจะคลาดเคลื่อน โดยอาจจะมาก หรือน้อยกว่าความเป็นจริงก็ได้ นั่นคือ สาเหตุที่บางครั้งเราพบว่า พอใช้อุปกรณ์ไปนานๆ ทำไมบางครั้งแบตฯ หมดเร็ว ทั้งๆ ที่เพิ่งชาร์จเต็ม (ความจริงมันไม่เต็ม) 
ดังนั้น การใช้แบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊ก หรืออุปกรณ์แก็ดเจ็ตต่างๆ ให้หมดสนิทสัก 2 - 3 ครั้งต่อปี จะช่วยให้ตัววัดของแบตเตอรี่ได้เริ่มต้นปรับแต่งการวัดของมันอีกครั้ง สำหรับขั้นตอนการทำก็คือ ให้คุณชาร์จแบตฯ โน้ตบุ๊กจนเต็ม จากนั้นถอดปลั๊ก และใช้งานตามปกติจนกว่าแบตฯ จะหมด เมื่อเครื่องปิดแล้ว รีชาร์จแบตฯ ให้เต็มอีกครั้ง เป็นอันเรียบร้อย คราวนี้นอกจากคุณจะไม่ต้องงงกับแบตฯที่หมดเร็วเกินเหตุแล้ว การใช้งานแบตฯ ลักษณะนี้ยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับแบตฯ อีกด้วย

วิธีป้องกันมะเร็งเบื้องต้น ทุกคนทำได้

วิธีป้องกันมะเร็งเบื้องต้น ทุกคนทำได้
มะเร็งเป็นโรคที่ใครๆ ต่างก็หวาดกลัว เพราะว่าเมื่อเป็นแล้วมักเกิดอาการเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน อีกทั้งอาจมีอาการลุกลามจากอีกที่เป็นอยู่บริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณหนึ่งได้ และส่วนใหญ่มักคิดว่ารักษาไม่หายแน่ๆ แต่จริงๆ แล้ว โรคมะเร็งบางชนิดสามารถป้องกันและรักษาให้หายขาดได้ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มเป็นใหม่ๆ ดังนั้น วันนี้ผู้เขียนจึงมานำเสนอแนวทางในการดูแลสุขภาพตนเองเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็ง

Cancer

1.ตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี
          เป็นสิ่งจำเป็นมากเพื่อที่จะรู้ว่าเรามีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงอยู่หรือไม่ ส่วนใหญ่คนที่เป็นมะเร็งแล้วรักษาไม่หายหรือรักษาไม่ทัน เพราะกว่าผู้ป่วยจะรู้แน่ว่าตนเป็นโรคมะเร็ง ก็มีอาการอยู่ในขั้นที่ถือว่ารุนแรงแล้ว บางคนปวดท้องมาตลอดก็คิดเอาเองว่าเป็นโรคกรดไหลย้อนบ้าง โรคกระเพาะบ้าง ก็ซื้อยามากินเอาเองตามที่เข้าใจไม่ยอมไปพบแพทย์ บางคนปวดหัวก็คิดเอาเองว่าเครียดหรืออาจเป็นไข้นิดหน่อย กินยาแก้ปวดเอาเองก็ได้ แต่จริงๆ แล้วอาการเหล่านี้อาจเป็นอาการเตือนเราถึงโรคที่ร้ายแรงกว่านั้นเช่นโรคมะเร็งก็ได้ ดังนั้น นอกจากการตรวจร่างกายประจำทุกปีแล้วก็ควรรีบไปพบแพทย์ทุกครั้งเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย หรือมีสิ่งผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย เช่น มีตุ่ม หรือเนื้องอกเกิดขึ้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายหรือมีเลือดออกผิดปกติ จะทำให้เรายังมีเวลาที่จะรักษาอาการได้ไปอีกนาน

 2.เลือกรับประทานอาหารที่ช่วยต้านมะเร็ง
          มีงานวิจัยที่กล่าวถึงอาหารที่มาจากผักและผลไม้หลายชนิดที่มีสารต้านมะเร็งได้ ซึ่งได้แก่
          - ผักและผลไม้ บางประเภทมีสารที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในการทำลายเซลล์ที่ก่อมะเร็ง สามารถเปลี่ยนเซลล์มะเร็งให้เป็นเซลล์ปกติได้ อีกทั้ง สามารถยับยั้งการเกิดสารมะเร็งในร่างกายและมีสารต้านมะเร็ง ได้แก่คะน้า บร็อกโคลี กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก มะเขือเทศ กระเทียม หัวหอม ขึ้นฉ่าย ผักโขม แครอท แอปเปิล ส้ม บีทรูท เห็ดหลินจือ
          - ชาเขียว ประกอบด้วย สารคาเทชินและสารเคมีอีกหลายชนิด ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระในระดับที่สูง จึงช่วยป้องกันโรคมะเร็ง รวมถึงลดการเติบโตของมะเร็งได้
          - น้ำสะอาด ช่วยทำความสะอาดและขจัดสารพิษสิ่งสกปรกออกจากเซลล์ในร่างกาย ควบคุมสมดุลกรดด่างและยังนำสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่เซลล์ด้วย จึงควรดื่มน้ำสะอาดในอุณหภูมิปกติให้ได้วันละอย่างน้อย 6-8 แก้ว
          - ธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวสาลี ช่วยป้องกันมะเร็งในลำไส้ใหญ่ งาดำ มีสารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยต่อต้านมะเร็ง ลูกเดือย ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกจึงลดการเกิดโรคมะเร็งได้
          การหยุดรับประทานเนื้อสัตว์สีแดงและหันมาเลือกรับประทานอาหารที่เป็นพวกธัญพืชแทน จะทำให้ร่างกายสะอาดและช่วยลดอาการของโรคมะเร็งได้ ผู้เขียนรู้จักคนหลายคนที่เป็นมะเร็งแล้วสามารถหายจากโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ได้โดยการรับประทานอาหารที่เป็นพวกธัญพืช

 3.งดสูบบุหรี่และงดดื่มสุรา
          ทั้งบุหรี่และสุรา ล้วนให้โทษต่อร่างกาย เพราะในบุหรี่มีสารนิโคตินซึ่งเป็นสารพิษที่สามารถดูดซึมเข้าทางผิวหนังของร่างกายได้ อีกทั้งมีน้ำมันดิน ที่ประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิดที่มีสารก่อมะเร็ง ดังนั้น การสูบบุหรี่จึงเสี่ยงต่อการทำให้เป็นโรคมะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งตับ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งช่องปาก ส่วนในสุรานั้นมีสารอีทานอล ซึ่งเมื่อเข้าสู่การเผาผลาญของร่างกายที่จะกลายเป็นสารที่ก่อมะเร็ง การดื่มสุรานั้นจึงทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งเมื่อมีโทษมากมายเช่นนี้แล้วจึงควรงดให้ขาดให้ได้ทั้งสองอย่าง

 4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
          การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยทำให้น้ำหนักตัวคงที่และไม่อ้วน เพราะการมีน้ำหนักมากเกินไปเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งมดลูก เพราะไขมันที่เป็นพิษมันฝังอยู่ตามส่วนของร่างกาย นอกจากนี้ เมื่อเราได้ออกกำลังกายจะทำให้การเผาผลาญออกซิเจนของร่างกายสูงขึ้น ซึ่งคณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยโคโอปิโอ (Kuopio) พบว่า ผู้ที่ออกกำลังเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30 นาที จะเป็นมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติถึงครึ่งต่อครึ่ง

 5.ทำจิตใจให้สบาย
          เมื่อมีความทุกข์ กังวล หรือเครียด ต้องพยายามลดความเครียดและความกังวลให้ได้โดยทำความคิดและจิตใจให้ปลอดโปร่ง ปล่อยวาง มองโลกในมุมที่สดใส แม้ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่าความเครียดส่งผลต่อการเกิดโรคมะเร็งโดยตรงหรือไม่ แต่ที่แน่นอนคือความเครียดจากการเป็นโรคต่าง ๆ อาจยิ่งทำให้ร่างกายหรือโรคนั้นกำเริบขึ้นซึ่งอาจส่งผลให้กลายเป็นมะเร็งต่อไปได้
          แม้โรคมะเร็งจะเป็นโรคร้ายที่ใครๆ ต่างก็หวาดกลัว แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะป้องกันหรือระงับอาการของมันไม่ได้ ผู้เขียนจึงอยากให้ผู้อ่านหมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทำจิตใจให้สบาย แม้บางกรณีอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยตรงเพราะอาจมาทางกรรมพันธุ์ แต่อย่างน้อยเมื่อเป็นแล้วเราจะสู้กับมันให้ถึงที่สุด และสามารถฝ่าฟันเอาชนะโรคนี้ให้ได้ในที่สุด ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์

8 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ด้วย"กระป๋องเบียร์"

8 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ด้วย"กระป๋องเบียร์"
          สำหรับคุณผู้อ่านที่รู้สึกว่า สัญญาณ Wi-Fi ของเราท์เตอร์ที่บ้านไม่แรงพอ ทดลองทำตาม 8 ขั้นตอนง่ายๆ ต่อไปนี้ดู บางทีอาจช่วยให้สํญญาณ Wi-Fi แรงขึ้นจาก 2 แท่งเป็น 4 - 5 แท่งเลยก็ได้ ที่สำคัญมันใช้แค่กระป๋องเบียร์ หรือกระป๋องเครื่องดืมน้ำอัดลมทั่วไปกับเครื่องไม้เครื่องมือไม่กี่ชิ้นเท่า นั้น นับเป็นไอเดียที่ฉลาดมากทีเดียว แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ว่าแล้วไปติดตามรายละเอียดการทำกันเลยดีกว่าครับ

          1. ขั้นตอนแรกให้คุณเตรียมอุปกรณ์ และต้องใช้ ซึ่งประกอบด้วย กระป๋องน้ำอัดลมที่ทำจากอะลูมิเนียม กรรไกร คัทเตอร์คมๆ และดินน้ำมันกาว (Blu tack) ดังรูป

Wi-Fi-Booster-made-by-Beer-can-or-Coke-can-1

         2. ทำความสะอาดกระป๋องด้วยน้ำสะอาดจนมั่นใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ภายใน

Wi-Fi-Booster-made-by-Beer-can-or-Coke-can-2

         3. ดึงวงแหวนที่ปากกระป๋องทิ้งไป

Wi-Fi-Booster-made-by-Beer-can-or-Coke-can-3

         4. ใช้คัทเตอร์ตัดก้นกระป๋องออกไปดังรูป

Wi-Fi-Booster-made-by-Beer-can-or-Coke-can-4

         5. หลังจากนั้นนำคัทเตอร์มาตัดอีกด้านหนึ่งของกระป๋อง (ด้านที่ดึงวงแหวนออกไป) แต่ต้องตัดไม่ครบวงรอบ โดยเหลือช่วงที่ไม่ตัดให้ขาดออกใกล้ๆ กับช่องที่ใช้ปากดื่ม ข้อสังเกตคือ ระยะที่ตัดพยายามให้อยู่ใกล้ขอบกระป๋องมากที่สุดดังรูป

Wi-Fi-Booster-made-by-Beer-can-or-Coke-can-5

         6. นำกรรไกรมาตัดข้างกระป๋องเป็นเส้นตรง โดยตำแหน่งที่ตัดจะอยู่ตรงข้ามกับด้านที่ติดขอบกระป๋อง

Wi-Fi-Booster-made-by-Beer-can-or-Coke-can-6

         7. ค่อยๆ ใช้มือกางกระป๋องที่ตัดให้กว้างออกมาคล้ายๆ กับจานเรดาร์รับสัญญาณ

Wi-Fi-Booster-made-by-Beer-can-or-Coke-can-7

         8. ติดดินน้ำมันกาวที่ด้านล่างองกระป๋อง แล้วนำกระป๋องไปสวมลงบนเสาอากาศของเราทเตอร์ผ่านทางช่องที่ใช้ปากดื่ม โดยดินน้ำมันกาวจะยึดปากกระป๋องเข้ากับด้านบนของเราท์เตอร์ จากนั้นจัดตำแหน่งให้เหมือนในรูปข้างล่างนี้

Wi-Fi-Booster-made-by-Beer-can-or-Coke-can-8

          หลังจากทำเสร็จแล้ว ทดลองเปิดเราท์เตอร์ให้ทำงาน แล้วสังเกตแท่งสัญญาณที่แสดงบนทาสก์บาร์ของ Windows บนโน้ตบุ๊คของคุณ โดยพยายามหันด้านทีสะท้อนสัญญาณของเสามาให้ตรงกับโน้ตบุ๊ค ลองดูว่า แท่งสัญญาณจะเพิ่มขั้นหรือไม่? ขอให้คุณผู้อ่านของเว็บไซต์ arip ที่่ลองทำตาม สามารถเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ได้แรงขึ้นดังที่ใจต้องการ โดยทั่วกันนะครับ

  

ที่มา : arip.co.th

FAQ คืออะไร

FAQ คืออะไร

       FAQ ย่อมาจาก Frequently Asked Questions ซึ่งหมายถึงคำถามที่พบได้บ่อย หรือคำถามยอดฮิตนั่นเอง โดยมากนิยมเรียกกันว่า "แฟค" หรือเรียกตามตัวย่อว่า "เอฟเอคิว"

       FAQ ซึ่งมีต้นกำเนิดจากกลุ่มสนทนาทางอินเทอร์เน็ต "ยูสเน็ต" (UseNet) เป็นการรวบรวมกลุ่มคำถามและคำตอบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเดียวกันเอาไว้ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการโพสต์คำตอบของคำถามพื้นฐานเดิมๆ ทั้งนี้ การโพสต์คำถามซ้ำหัวข้อที่มีอยู่ใน FAQ แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องไม่สุภาพในวัฒนธรรมยูสเน็ต เพราะแสดงให้เห็นว่าผู้ถามไม่ได้อ่านให้ดีก่อนที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น

       เนื้อหาที่ประกอบด้วยคำถามและคำตอบมักถูกเรียกว่า FAQ ไม่ว่าจะเป็นคำถามที่ถามกันบ่อยๆ จริงหรือไม่ และปัจจุบันแนวคิดนี้ก็แพร่หลายออกจากอินเทอร์เน็ต ทำให้มีการระบุถึง FAQ ในเอกสารใบปลิวต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตเลย

       บนอินเทอร์เน็ตมี FAQ ในหลากหลายหัวข้อ และเว็บไซต์จำนวนมากก็ได้รวบรวมไว้ให้สามารถค้นหาได้ง่าย เช่น เว็บไซต์ของสมาคมอินเทอร์เน็ต FAQ

คิดเลข คำนวณสูตรผ่าน Google

คิดเลข คำนวณสูตรผ่าน Google

          หากเราต้องการคำนวณตัวเลขแบบต่าง ๆ เช่น บวก ลบ คูณ หาร ไปจนถึงการถอดสแควร์รูท เว็บไซต์ Google สามารถช่วยเราคำนวณได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องไปหาเครื่องคิดเลขให้วุ่นวาย โดยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการคำนวณมีดังต่อไปนี้

เครื่องหมายความหมายตัวอย่าง
+บวก5+8
-ลบ55-21
*คูณ21*9
/หาร10/5
^ยกกำลัง5^9
% ofเปอร์เซ็นต์ของ20% of 130
sqrtสแควร์รูทsqrt(64)
logลอการิทึมฐาน 10log(1,000)

วิธีคิดเลข คำนวณสูตรผ่าน Google
          1. เปิดหน้าเว็บไซต์ www.google.co.th
          2. พิมพ์ (502+412)*5 แล้วกดปุ่ม ค้นหาด้วย Google

1

          3. จากนั้นเว็บก็จะแสดงผลลัพธ์ที่คำนวณออกมา

2

ตรวจสอบสภาพอากาศทั่วโลกก่อนเดินทางใน Google

ตรวจสอบสภาพอากาศทั่วโลกก่อนเดินทางใน Google

          เราสามารถตรวจดูสภาพอากาศทั่วโลกจากเว็บไซต์ Google ได้ เพียงพิมพ์คำว่า weather ตามด้วย ชื่อเมืองที่ต้องการ เราก็สามารถเตรียมพร้อมก่อนแพ็คกระเป๋าเดินทางได้อย่างมั่นใจ ในตัวอย่างต่อไปนี้หากเราต้องการทราบสภาพอากาศของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็ให้พิมพ์คำว่า weather london ในช่อง Search ของ Google ดังนี้

วิธีตรวจสอบสภาพอากาศทั่วโลกก่อนเดินทาง
          1. เปิดหน้าต่างเว็บไซต์ www.google.co.th
          2. พิมพ์ weather london แล้วกดปุ่ม ค้นหาด้วย Google

1

          3. จากนั้นเราก็จะทราบสภาพอากาศในวันต่าง ๆ ของกรุงลอนดอนได้ทันที

2