วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วิธีป้องกันมะเร็งเบื้องต้น ทุกคนทำได้

วิธีป้องกันมะเร็งเบื้องต้น ทุกคนทำได้
มะเร็งเป็นโรคที่ใครๆ ต่างก็หวาดกลัว เพราะว่าเมื่อเป็นแล้วมักเกิดอาการเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน อีกทั้งอาจมีอาการลุกลามจากอีกที่เป็นอยู่บริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณหนึ่งได้ และส่วนใหญ่มักคิดว่ารักษาไม่หายแน่ๆ แต่จริงๆ แล้ว โรคมะเร็งบางชนิดสามารถป้องกันและรักษาให้หายขาดได้ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มเป็นใหม่ๆ ดังนั้น วันนี้ผู้เขียนจึงมานำเสนอแนวทางในการดูแลสุขภาพตนเองเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็ง

Cancer

1.ตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี
          เป็นสิ่งจำเป็นมากเพื่อที่จะรู้ว่าเรามีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงอยู่หรือไม่ ส่วนใหญ่คนที่เป็นมะเร็งแล้วรักษาไม่หายหรือรักษาไม่ทัน เพราะกว่าผู้ป่วยจะรู้แน่ว่าตนเป็นโรคมะเร็ง ก็มีอาการอยู่ในขั้นที่ถือว่ารุนแรงแล้ว บางคนปวดท้องมาตลอดก็คิดเอาเองว่าเป็นโรคกรดไหลย้อนบ้าง โรคกระเพาะบ้าง ก็ซื้อยามากินเอาเองตามที่เข้าใจไม่ยอมไปพบแพทย์ บางคนปวดหัวก็คิดเอาเองว่าเครียดหรืออาจเป็นไข้นิดหน่อย กินยาแก้ปวดเอาเองก็ได้ แต่จริงๆ แล้วอาการเหล่านี้อาจเป็นอาการเตือนเราถึงโรคที่ร้ายแรงกว่านั้นเช่นโรคมะเร็งก็ได้ ดังนั้น นอกจากการตรวจร่างกายประจำทุกปีแล้วก็ควรรีบไปพบแพทย์ทุกครั้งเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย หรือมีสิ่งผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย เช่น มีตุ่ม หรือเนื้องอกเกิดขึ้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายหรือมีเลือดออกผิดปกติ จะทำให้เรายังมีเวลาที่จะรักษาอาการได้ไปอีกนาน

 2.เลือกรับประทานอาหารที่ช่วยต้านมะเร็ง
          มีงานวิจัยที่กล่าวถึงอาหารที่มาจากผักและผลไม้หลายชนิดที่มีสารต้านมะเร็งได้ ซึ่งได้แก่
          - ผักและผลไม้ บางประเภทมีสารที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในการทำลายเซลล์ที่ก่อมะเร็ง สามารถเปลี่ยนเซลล์มะเร็งให้เป็นเซลล์ปกติได้ อีกทั้ง สามารถยับยั้งการเกิดสารมะเร็งในร่างกายและมีสารต้านมะเร็ง ได้แก่คะน้า บร็อกโคลี กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก มะเขือเทศ กระเทียม หัวหอม ขึ้นฉ่าย ผักโขม แครอท แอปเปิล ส้ม บีทรูท เห็ดหลินจือ
          - ชาเขียว ประกอบด้วย สารคาเทชินและสารเคมีอีกหลายชนิด ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระในระดับที่สูง จึงช่วยป้องกันโรคมะเร็ง รวมถึงลดการเติบโตของมะเร็งได้
          - น้ำสะอาด ช่วยทำความสะอาดและขจัดสารพิษสิ่งสกปรกออกจากเซลล์ในร่างกาย ควบคุมสมดุลกรดด่างและยังนำสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่เซลล์ด้วย จึงควรดื่มน้ำสะอาดในอุณหภูมิปกติให้ได้วันละอย่างน้อย 6-8 แก้ว
          - ธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวสาลี ช่วยป้องกันมะเร็งในลำไส้ใหญ่ งาดำ มีสารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยต่อต้านมะเร็ง ลูกเดือย ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกจึงลดการเกิดโรคมะเร็งได้
          การหยุดรับประทานเนื้อสัตว์สีแดงและหันมาเลือกรับประทานอาหารที่เป็นพวกธัญพืชแทน จะทำให้ร่างกายสะอาดและช่วยลดอาการของโรคมะเร็งได้ ผู้เขียนรู้จักคนหลายคนที่เป็นมะเร็งแล้วสามารถหายจากโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ได้โดยการรับประทานอาหารที่เป็นพวกธัญพืช

 3.งดสูบบุหรี่และงดดื่มสุรา
          ทั้งบุหรี่และสุรา ล้วนให้โทษต่อร่างกาย เพราะในบุหรี่มีสารนิโคตินซึ่งเป็นสารพิษที่สามารถดูดซึมเข้าทางผิวหนังของร่างกายได้ อีกทั้งมีน้ำมันดิน ที่ประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิดที่มีสารก่อมะเร็ง ดังนั้น การสูบบุหรี่จึงเสี่ยงต่อการทำให้เป็นโรคมะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งตับ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งช่องปาก ส่วนในสุรานั้นมีสารอีทานอล ซึ่งเมื่อเข้าสู่การเผาผลาญของร่างกายที่จะกลายเป็นสารที่ก่อมะเร็ง การดื่มสุรานั้นจึงทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งเมื่อมีโทษมากมายเช่นนี้แล้วจึงควรงดให้ขาดให้ได้ทั้งสองอย่าง

 4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
          การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยทำให้น้ำหนักตัวคงที่และไม่อ้วน เพราะการมีน้ำหนักมากเกินไปเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งมดลูก เพราะไขมันที่เป็นพิษมันฝังอยู่ตามส่วนของร่างกาย นอกจากนี้ เมื่อเราได้ออกกำลังกายจะทำให้การเผาผลาญออกซิเจนของร่างกายสูงขึ้น ซึ่งคณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยโคโอปิโอ (Kuopio) พบว่า ผู้ที่ออกกำลังเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30 นาที จะเป็นมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติถึงครึ่งต่อครึ่ง

 5.ทำจิตใจให้สบาย
          เมื่อมีความทุกข์ กังวล หรือเครียด ต้องพยายามลดความเครียดและความกังวลให้ได้โดยทำความคิดและจิตใจให้ปลอดโปร่ง ปล่อยวาง มองโลกในมุมที่สดใส แม้ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่าความเครียดส่งผลต่อการเกิดโรคมะเร็งโดยตรงหรือไม่ แต่ที่แน่นอนคือความเครียดจากการเป็นโรคต่าง ๆ อาจยิ่งทำให้ร่างกายหรือโรคนั้นกำเริบขึ้นซึ่งอาจส่งผลให้กลายเป็นมะเร็งต่อไปได้
          แม้โรคมะเร็งจะเป็นโรคร้ายที่ใครๆ ต่างก็หวาดกลัว แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะป้องกันหรือระงับอาการของมันไม่ได้ ผู้เขียนจึงอยากให้ผู้อ่านหมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทำจิตใจให้สบาย แม้บางกรณีอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยตรงเพราะอาจมาทางกรรมพันธุ์ แต่อย่างน้อยเมื่อเป็นแล้วเราจะสู้กับมันให้ถึงที่สุด และสามารถฝ่าฟันเอาชนะโรคนี้ให้ได้ในที่สุด ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น