[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ช่วงนี้ หันหน้าไปทางไหนก็เจอะเจอแต่คนหยิบ iPad หรือไม่ก็แท็บเล็ต Android ขึ้นมาทำโน่นทำนี่ บ้างก็พิมพ์อะไรบางอย่างบนหน้าจอ หรือไม่ก็ใช้สไตลัสเขียนข้อความอย่างเมามัน หรืออย่างน้อยที่สุดก็หยิบมันขึ้นมาดูเฟซฯ เล่นไลน์ ท่องเว็บ หรือดูหนัง แต่กลับน้อยครั้งมากที่เดียวที่เห็นคนหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมา (โชว์พาว) เหมือนแต่ก่อน จนเกิดคำถามกับตัวเองว่า หรือถึงเวลาแล้วที่เราควรจะเลิกใช้โน้ตบุ๊ก แล้วไปซื้อแท็บเล็ตมาใช้แทนดีกว่า มีคำแนะนำบ้างไหมคะ?
วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
อยากทราบว่า เลิกใช้โน้ตบุ๊กดีไหม แล้วหันไปใช้"แท็บเล็ต"แทนดีกว่า...หรือเปล่า
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ช่วงนี้ หันหน้าไปทางไหนก็เจอะเจอแต่คนหยิบ iPad หรือไม่ก็แท็บเล็ต Android ขึ้นมาทำโน่นทำนี่ บ้างก็พิมพ์อะไรบางอย่างบนหน้าจอ หรือไม่ก็ใช้สไตลัสเขียนข้อความอย่างเมามัน หรืออย่างน้อยที่สุดก็หยิบมันขึ้นมาดูเฟซฯ เล่นไลน์ ท่องเว็บ หรือดูหนัง แต่กลับน้อยครั้งมากที่เดียวที่เห็นคนหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมา (โชว์พาว) เหมือนแต่ก่อน จนเกิดคำถามกับตัวเองว่า หรือถึงเวลาแล้วที่เราควรจะเลิกใช้โน้ตบุ๊ก แล้วไปซื้อแท็บเล็ตมาใช้แทนดีกว่า มีคำแนะนำบ้างไหมคะ?
Tip: คู่มือ"โน้ตบุ๊ก"แนะนำให้ใช้แบตฯ จนหมด เพื่อยืดอายุการใช้งาน จริงอ่ะ
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] คำถามคลาสสิกที่ยังคงมีการสอบถามเข้ามาเป็นระยะๆ วันนี้ทางกองบรรณาธิการเว็บไซต์ arip ก็เลยถือโอกาสหยิบมาตอบกันอีกครั้ง เพื่อความชัดเจน และกระชับยิ่งขึ้น คำถามที่ว่านี้เกิดจากความสงสัยที่ว่า คู่มือโน้ตบุ๊กแนะนำให้ใช้แบตฯ จนหมด เพื่อว่าจะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตฯ ได้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ใช้ว่ามันเป็นความจริง หรือไม่? และเขาควรทำตาม หรือเปล่า?
คำตอบคือ สิ่งที่ระบุในคู่มือนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้องแล้วครับ!!! แบตเตอรี่ลิเธียมอิออนที่ใช้ในโน้ตบุ๊ก และแก็ดเจ็ตโมบายต่างๆ จะมีตัววัดประจุไฟฟ้าที่อยู่ภายใน (internal charge meter) ที่บอกสถานะการชาร์จ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ความแม่นยำของมันจะลดลง ผลลัพธ์คือ การรายงานประจุไฟฟ้าในแบตฯจะคลาดเคลื่อน โดยอาจจะมาก หรือน้อยกว่าความเป็นจริงก็ได้ นั่นคือ สาเหตุที่บางครั้งเราพบว่า พอใช้อุปกรณ์ไปนานๆ ทำไมบางครั้งแบตฯ หมดเร็ว ทั้งๆ ที่เพิ่งชาร์จเต็ม (ความจริงมันไม่เต็ม)
ดังนั้น การใช้แบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊ก หรืออุปกรณ์แก็ดเจ็ตต่างๆ ให้หมดสนิทสัก 2 - 3 ครั้งต่อปี จะช่วยให้ตัววัดของแบตเตอรี่ได้เริ่มต้นปรับแต่งการวัดของมันอีกครั้ง สำหรับขั้นตอนการทำก็คือ ให้คุณชาร์จแบตฯ โน้ตบุ๊กจนเต็ม จากนั้นถอดปลั๊ก และใช้งานตามปกติจนกว่าแบตฯ จะหมด เมื่อเครื่องปิดแล้ว รีชาร์จแบตฯ ให้เต็มอีกครั้ง เป็นอันเรียบร้อย คราวนี้นอกจากคุณจะไม่ต้องงงกับแบตฯที่หมดเร็วเกินเหตุแล้ว การใช้งานแบตฯ ลักษณะนี้ยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับแบตฯ อีกด้วย
คำตอบคือ สิ่งที่ระบุในคู่มือนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้องแล้วครับ!!! แบตเตอรี่ลิเธียมอิออนที่ใช้ในโน้ตบุ๊ก และแก็ดเจ็ตโมบายต่างๆ จะมีตัววัดประจุไฟฟ้าที่อยู่ภายใน (internal charge meter) ที่บอกสถานะการชาร์จ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ความแม่นยำของมันจะลดลง ผลลัพธ์คือ การรายงานประจุไฟฟ้าในแบตฯจะคลาดเคลื่อน โดยอาจจะมาก หรือน้อยกว่าความเป็นจริงก็ได้ นั่นคือ สาเหตุที่บางครั้งเราพบว่า พอใช้อุปกรณ์ไปนานๆ ทำไมบางครั้งแบตฯ หมดเร็ว ทั้งๆ ที่เพิ่งชาร์จเต็ม (ความจริงมันไม่เต็ม)
วิธีป้องกันมะเร็งเบื้องต้น ทุกคนทำได้
วิธีป้องกันมะเร็งเบื้องต้น ทุกคนทำได้ |
มะเร็งเป็นโรคที่ใครๆ ต่างก็หวาดกลัว เพราะว่าเมื่อเป็นแล้วมักเกิดอาการเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน อีกทั้งอาจมีอาการลุกลามจากอีกที่เป็นอยู่บริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณหนึ่งได้ และส่วนใหญ่มักคิดว่ารักษาไม่หายแน่ๆ แต่จริงๆ แล้ว โรคมะเร็งบางชนิดสามารถป้องกันและรักษาให้หายขาดได้ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มเป็นใหม่ๆ ดังนั้น วันนี้ผู้เขียนจึงมานำเสนอแนวทางในการดูแลสุขภาพตนเองเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็ง
1.ตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี
เป็นสิ่งจำเป็นมากเพื่อที่จะรู้ว่าเรามีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงอยู่หรือไม่ ส่วนใหญ่คนที่เป็นมะเร็งแล้วรักษาไม่หายหรือรักษาไม่ทัน เพราะกว่าผู้ป่วยจะรู้แน่ว่าตนเป็นโรคมะเร็ง ก็มีอาการอยู่ในขั้นที่ถือว่ารุนแรงแล้ว บางคนปวดท้องมาตลอดก็คิดเอาเองว่าเป็นโรคกรดไหลย้อนบ้าง โรคกระเพาะบ้าง ก็ซื้อยามากินเอาเองตามที่เข้าใจไม่ยอมไปพบแพทย์ บางคนปวดหัวก็คิดเอาเองว่าเครียดหรืออาจเป็นไข้นิดหน่อย กินยาแก้ปวดเอาเองก็ได้ แต่จริงๆ แล้วอาการเหล่านี้อาจเป็นอาการเตือนเราถึงโรคที่ร้ายแรงกว่านั้นเช่นโรคมะเร็งก็ได้ ดังนั้น นอกจากการตรวจร่างกายประจำทุกปีแล้วก็ควรรีบไปพบแพทย์ทุกครั้งเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย หรือมีสิ่งผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย เช่น มีตุ่ม หรือเนื้องอกเกิดขึ้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายหรือมีเลือดออกผิดปกติ จะทำให้เรายังมีเวลาที่จะรักษาอาการได้ไปอีกนาน
2.เลือกรับประทานอาหารที่ช่วยต้านมะเร็ง
มีงานวิจัยที่กล่าวถึงอาหารที่มาจากผักและผลไม้หลายชนิดที่มีสารต้านมะเร็งได้ ซึ่งได้แก่
- ผักและผลไม้ บางประเภทมีสารที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในการทำลายเซลล์ที่ก่อมะเร็ง สามารถเปลี่ยนเซลล์มะเร็งให้เป็นเซลล์ปกติได้ อีกทั้ง สามารถยับยั้งการเกิดสารมะเร็งในร่างกายและมีสารต้านมะเร็ง ได้แก่คะน้า บร็อกโคลี กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก มะเขือเทศ กระเทียม หัวหอม ขึ้นฉ่าย ผักโขม แครอท แอปเปิล ส้ม บีทรูท เห็ดหลินจือ
- ชาเขียว ประกอบด้วย สารคาเทชินและสารเคมีอีกหลายชนิด ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระในระดับที่สูง จึงช่วยป้องกันโรคมะเร็ง รวมถึงลดการเติบโตของมะเร็งได้
- น้ำสะอาด ช่วยทำความสะอาดและขจัดสารพิษสิ่งสกปรกออกจากเซลล์ในร่างกาย ควบคุมสมดุลกรดด่างและยังนำสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่เซลล์ด้วย จึงควรดื่มน้ำสะอาดในอุณหภูมิปกติให้ได้วันละอย่างน้อย 6-8 แก้ว
- ธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวสาลี ช่วยป้องกันมะเร็งในลำไส้ใหญ่ งาดำ มีสารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยต่อต้านมะเร็ง ลูกเดือย ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกจึงลดการเกิดโรคมะเร็งได้
การหยุดรับประทานเนื้อสัตว์สีแดงและหันมาเลือกรับประทานอาหารที่เป็นพวกธัญพืชแทน จะทำให้ร่างกายสะอาดและช่วยลดอาการของโรคมะเร็งได้ ผู้เขียนรู้จักคนหลายคนที่เป็นมะเร็งแล้วสามารถหายจากโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ได้โดยการรับประทานอาหารที่เป็นพวกธัญพืช
3.งดสูบบุหรี่และงดดื่มสุรา
ทั้งบุหรี่และสุรา ล้วนให้โทษต่อร่างกาย เพราะในบุหรี่มีสารนิโคตินซึ่งเป็นสารพิษที่สามารถดูดซึมเข้าทางผิวหนังของร่างกายได้ อีกทั้งมีน้ำมันดิน ที่ประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิดที่มีสารก่อมะเร็ง ดังนั้น การสูบบุหรี่จึงเสี่ยงต่อการทำให้เป็นโรคมะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งตับ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งช่องปาก ส่วนในสุรานั้นมีสารอีทานอล ซึ่งเมื่อเข้าสู่การเผาผลาญของร่างกายที่จะกลายเป็นสารที่ก่อมะเร็ง การดื่มสุรานั้นจึงทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งเมื่อมีโทษมากมายเช่นนี้แล้วจึงควรงดให้ขาดให้ได้ทั้งสองอย่าง
4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยทำให้น้ำหนักตัวคงที่และไม่อ้วน เพราะการมีน้ำหนักมากเกินไปเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งมดลูก เพราะไขมันที่เป็นพิษมันฝังอยู่ตามส่วนของร่างกาย นอกจากนี้ เมื่อเราได้ออกกำลังกายจะทำให้การเผาผลาญออกซิเจนของร่างกายสูงขึ้น ซึ่งคณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยโคโอปิโอ (Kuopio) พบว่า ผู้ที่ออกกำลังเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30 นาที จะเป็นมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติถึงครึ่งต่อครึ่ง
5.ทำจิตใจให้สบาย
เมื่อมีความทุกข์ กังวล หรือเครียด ต้องพยายามลดความเครียดและความกังวลให้ได้โดยทำความคิดและจิตใจให้ปลอดโปร่ง ปล่อยวาง มองโลกในมุมที่สดใส แม้ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่าความเครียดส่งผลต่อการเกิดโรคมะเร็งโดยตรงหรือไม่ แต่ที่แน่นอนคือความเครียดจากการเป็นโรคต่าง ๆ อาจยิ่งทำให้ร่างกายหรือโรคนั้นกำเริบขึ้นซึ่งอาจส่งผลให้กลายเป็นมะเร็งต่อไปได้
แม้โรคมะเร็งจะเป็นโรคร้ายที่ใครๆ ต่างก็หวาดกลัว แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะป้องกันหรือระงับอาการของมันไม่ได้ ผู้เขียนจึงอยากให้ผู้อ่านหมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทำจิตใจให้สบาย แม้บางกรณีอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยตรงเพราะอาจมาทางกรรมพันธุ์ แต่อย่างน้อยเมื่อเป็นแล้วเราจะสู้กับมันให้ถึงที่สุด และสามารถฝ่าฟันเอาชนะโรคนี้ให้ได้ในที่สุด ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์
|
8 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ด้วย"กระป๋องเบียร์"
8 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ด้วย"กระป๋องเบียร์" |
สำหรับคุณผู้อ่านที่รู้สึกว่า สัญญาณ Wi-Fi ของเราท์เตอร์ที่บ้านไม่แรงพอ ทดลองทำตาม 8 ขั้นตอนง่ายๆ ต่อไปนี้ดู บางทีอาจช่วยให้สํญญาณ Wi-Fi แรงขึ้นจาก 2 แท่งเป็น 4 - 5 แท่งเลยก็ได้ ที่สำคัญมันใช้แค่กระป๋องเบียร์ หรือกระป๋องเครื่องดืมน้ำอัดลมทั่วไปกับเครื่องไม้เครื่องมือไม่กี่ชิ้นเท่า นั้น นับเป็นไอเดียที่ฉลาดมากทีเดียว แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ว่าแล้วไปติดตามรายละเอียดการทำกันเลยดีกว่าครับ
1. ขั้นตอนแรกให้คุณเตรียมอุปกรณ์ และต้องใช้ ซึ่งประกอบด้วย กระป๋องน้ำอัดลมที่ทำจากอะลูมิเนียม กรรไกร คัทเตอร์คมๆ และดินน้ำมันกาว (Blu tack) ดังรูป
2. ทำความสะอาดกระป๋องด้วยน้ำสะอาดจนมั่นใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ภายใน
3. ดึงวงแหวนที่ปากกระป๋องทิ้งไป
4. ใช้คัทเตอร์ตัดก้นกระป๋องออกไปดังรูป
5. หลังจากนั้นนำคัทเตอร์มาตัดอีกด้านหนึ่งของกระป๋อง (ด้านที่ดึงวงแหวนออกไป) แต่ต้องตัดไม่ครบวงรอบ โดยเหลือช่วงที่ไม่ตัดให้ขาดออกใกล้ๆ กับช่องที่ใช้ปากดื่ม ข้อสังเกตคือ ระยะที่ตัดพยายามให้อยู่ใกล้ขอบกระป๋องมากที่สุดดังรูป
6. นำกรรไกรมาตัดข้างกระป๋องเป็นเส้นตรง โดยตำแหน่งที่ตัดจะอยู่ตรงข้ามกับด้านที่ติดขอบกระป๋อง
7. ค่อยๆ ใช้มือกางกระป๋องที่ตัดให้กว้างออกมาคล้ายๆ กับจานเรดาร์รับสัญญาณ
8. ติดดินน้ำมันกาวที่ด้านล่างองกระป๋อง แล้วนำกระป๋องไปสวมลงบนเสาอากาศของเราทเตอร์ผ่านทางช่องที่ใช้ปากดื่ม โดยดินน้ำมันกาวจะยึดปากกระป๋องเข้ากับด้านบนของเราท์เตอร์ จากนั้นจัดตำแหน่งให้เหมือนในรูปข้างล่างนี้
หลังจากทำเสร็จแล้ว ทดลองเปิดเราท์เตอร์ให้ทำงาน แล้วสังเกตแท่งสัญญาณที่แสดงบนทาสก์บาร์ของ Windows บนโน้ตบุ๊คของคุณ โดยพยายามหันด้านทีสะท้อนสัญญาณของเสามาให้ตรงกับโน้ตบุ๊ค ลองดูว่า แท่งสัญญาณจะเพิ่มขั้นหรือไม่? ขอให้คุณผู้อ่านของเว็บไซต์ arip ที่่ลองทำตาม สามารถเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ได้แรงขึ้นดังที่ใจต้องการ โดยทั่วกันนะครับ
ที่มา : arip.co.th
|
FAQ คืออะไร
FAQ คืออะไร |
FAQ ย่อมาจาก Frequently Asked Questions ซึ่งหมายถึงคำถามที่พบได้บ่อย หรือคำถามยอดฮิตนั่นเอง โดยมากนิยมเรียกกันว่า "แฟค" หรือเรียกตามตัวย่อว่า "เอฟเอคิว" FAQ ซึ่งมีต้นกำเนิดจากกลุ่มสนทนาทางอินเทอร์เน็ต "ยูสเน็ต" (UseNet) เป็นการรวบรวมกลุ่มคำถามและคำตอบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเดียวกันเอาไว้ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการโพสต์คำตอบของคำถามพื้นฐานเดิมๆ ทั้งนี้ การโพสต์คำถามซ้ำหัวข้อที่มีอยู่ใน FAQ แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องไม่สุภาพในวัฒนธรรมยูสเน็ต เพราะแสดงให้เห็นว่าผู้ถามไม่ได้อ่านให้ดีก่อนที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เนื้อหาที่ประกอบด้วยคำถามและคำตอบมักถูกเรียกว่า FAQ ไม่ว่าจะเป็นคำถามที่ถามกันบ่อยๆ จริงหรือไม่ และปัจจุบันแนวคิดนี้ก็แพร่หลายออกจากอินเทอร์เน็ต ทำให้มีการระบุถึง FAQ ในเอกสารใบปลิวต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตเลย บนอินเทอร์เน็ตมี FAQ ในหลากหลายหัวข้อ และเว็บไซต์จำนวนมากก็ได้รวบรวมไว้ให้สามารถค้นหาได้ง่าย เช่น เว็บไซต์ของสมาคมอินเทอร์เน็ต FAQ |
คิดเลข คำนวณสูตรผ่าน Google
คิดเลข คำนวณสูตรผ่าน Google |
หากเราต้องการคำนวณตัวเลขแบบต่าง ๆ เช่น บวก ลบ คูณ หาร ไปจนถึงการถอดสแควร์รูท เว็บไซต์ Google สามารถช่วยเราคำนวณได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องไปหาเครื่องคิดเลขให้วุ่นวาย โดยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการคำนวณมีดังต่อไปนี้
วิธีคิดเลข คำนวณสูตรผ่าน Google
1. เปิดหน้าเว็บไซต์ www.google.co.th
2. พิมพ์ (502+412)*5 แล้วกดปุ่ม ค้นหาด้วย Google
3. จากนั้นเว็บก็จะแสดงผลลัพธ์ที่คำนวณออกมา
|
ตรวจสอบสภาพอากาศทั่วโลกก่อนเดินทางใน Google
ตรวจสอบสภาพอากาศทั่วโลกก่อนเดินทางใน Google |
เราสามารถตรวจดูสภาพอากาศทั่วโลกจากเว็บไซต์ Google ได้ เพียงพิมพ์คำว่า weather ตามด้วย ชื่อเมืองที่ต้องการ เราก็สามารถเตรียมพร้อมก่อนแพ็คกระเป๋าเดินทางได้อย่างมั่นใจ ในตัวอย่างต่อไปนี้หากเราต้องการทราบสภาพอากาศของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็ให้พิมพ์คำว่า weather london ในช่อง Search ของ Google ดังนี้
วิธีตรวจสอบสภาพอากาศทั่วโลกก่อนเดินทาง
1. เปิดหน้าต่างเว็บไซต์ www.google.co.th
2. พิมพ์ weather london แล้วกดปุ่ม ค้นหาด้วย Google
3. จากนั้นเราก็จะทราบสภาพอากาศในวันต่าง ๆ ของกรุงลอนดอนได้ทันที
|
ใช้ Google ค้นหารูปภาพ และเซฟภาพเก็บไว้
ใช้ Google ค้นหารูปภาพ และเซฟภาพเก็บไว้ |
Google เป็นเว็บไซต์สำหรับค้นหาข้อมูลที่ทั่วโลกนิยมใช้กันมากที่สุด และหนึ่งในการค้นหาผ่าน Google ซึ่งเป็นที่นิยมมากก็คือ การค้นหารูปภาพ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
วิธีค้นหารูปภาพผ่านเว็บ Google
1. เข้าไปที่เว็บไซต์ www.google.co.th
2. คลิกที่ รูปภาพ
3. พิมพ์ข้อความที่ต้องการค้นหา
4. คลิกปุ่ม ค้นหาภาพ
5. รูปภาพที่เกี่ยวข้องจะแสดงขึ้นมา
6. คลิกเลือกรูปภาพที่ต้องการ
7. คลิก ภาพขนาดเต็ม
8. รูปภาพนั้นก็จะขยายขึ้น และเราสามารถเซฟภาพได้ตามต้องการ
วิธีการเซฟรูปภาพบนเว็บมาไว้ที่เครื่องของเรา
1. คลิกขวา ที่รูปภาพ
2. เลือก Save Picture As...
3. เลือกที่จัดเก็บรูปภาพ หลังจากนั้นตั้งชื่อให้กับไฟล์รูปภาพ
4. คลิกปุ่ม Save เพียงเท่านี้ก็จะได้รูปภาพมาเก็บไว้ที่เครื่องของเราแล้ว
|
Tip การใช้งาน Google
Tips การใช้งาน Google
Google (กูเกิล) เป็นบริษัทมหาชนอเมริกัน มีรายได้หลักจากการโฆษณาออนไลน์ที่ปรากฏในเสิร์ชเอนจินของ Google อีเมล แผนที่ออนไลน์ ซอฟต์แวร์จัดการด้านสำนักงาน เครือข่ายออนไลน์ และวิดีโอออนไลน์ รวมถึงการขายอุปกรณ์ช่วยในการค้นหา Google สำนักงานใหญ่ที่รู้จักในชื่อกูเกิลเพล็กซ์ตั้งอยู่ที่เมืองเมาน์เทนวิว รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีพนักงาน 16,805 คน (31 ธันวาคม 2550) โดย Google เป็นบริษัทอเมริกันที่ใหญ่ที่สุดที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของดัชนีดาวโจนส์ (ข้อมูล 31 ตุลาคม พ.ศ. 2550)
Google ก่อตั้งโดย แลร์รี เพจ และ เซอร์เกย์ บริน ขณะที่ทั้งคู่กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งภายหลังทั้งคู่ได้ก่อตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2541 ในโรงจอดรถของเพื่อนที่ เมืองเมนโลพาร์ก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และมีการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก เมื่อ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2547 เพิ่มมูลค่าของบริษัท 1.67 พันล้านเหรียญสหรัฐ และหลังจากนั้นทางกูเกิลได้มีการขยายตัวตลอดเวลาจากการพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่และการซื้อกิจการอื่นรวมเข้ามา กูเกิลได้ถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาโดยนิตยสารฟอร์จูน ซึ่งมีคติพจน์ประจำบริษัทคือ Don't be evil อย่างไรก็ตามทางบริษัทได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในด้านการละเมิดข้อมูลส่วนตัว การละเมิดลิขสิทธิ์ และการเซ็นเซอร์ในหลายส่วน
|
ตำนานวันวาเลนไทม์
ไอคิว และ อีคิว
ศจ.พญ.นงพงา ลิ้มสุวรรณ
แหล่งที่มาของข้อมูล : หนังสือ “เลี้ยงลูกถูกวิธี ชีวีเป็นสุข”
ไอคิว คืออะไร
อีคิว คืออะไร
องค์ประกอบของอีคิว
1. สามารถรู้อารมณ์ตัวเอง
2. สามารถบริหารอารมณ์ตัวเอง
3. สามารถทำให้ตนเองมีพลัง
4. สามารถเข้าถึงจิตใจผู้อื่น
5. สามารถรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่น
เอกสารอ้างอิง "ไอคิวและอิคิว"
นงพงา ลิ้มสุวรรณ (2542). ไอคิวและอีคิว. เลี้ยงลูกถูกวิธี ชีวีเป็นสุข พิมพ์ครั้งที่ 9, กรุงเทพ: พรินท์ติ้งเพรส.
วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
มารู้จักภาษา C กันเถอะ
าษาซี ( C
language)ซึ่งเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่นิยมนำมาใช้ในการเขียนโปรแกรมและเป็น
พื้นฐานในการศึกษาเพื่อต่อยอดไปสู่การเขียนโปรแกรมภาษาอื่น ๆ มากที่สุด
ประวัติของภาษาซี
ภาษาซีเป็นภาษาระดับสูง( High-Level-Language) เป็นภาษาที่มีความเร็วในการทำงานสูงใกล้เคียงกับภาษาเครื่อง มีโครงสร้างที่ชัดเจน เข้าใจง่าย สามารถเขียนโปรแกรมเพื่อติดต่อกับฮาร์ดแวร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างดี ภาษาซีเกิดขึ้นในปี ค . ศ .1972 ผู้คิดค้นคือนายเดนนีส ริทชี (Dennis Ritchi)
ลักษณะของภาษาซี
ประวัติของภาษาซี
ภาษาซีเป็นภาษาระดับสูง( High-Level-Language) เป็นภาษาที่มีความเร็วในการทำงานสูงใกล้เคียงกับภาษาเครื่อง มีโครงสร้างที่ชัดเจน เข้าใจง่าย สามารถเขียนโปรแกรมเพื่อติดต่อกับฮาร์ดแวร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างดี ภาษาซีเกิดขึ้นในปี ค . ศ .1972 ผู้คิดค้นคือนายเดนนีส ริทชี (Dennis Ritchi)
ลักษณะของภาษาซี
- โปรแกรมภาษาซีเป็นโปรแกรมที่มีความยืดหยุ่นและมีขีดความสามารถสูง
- โปรแกรมมีขนาดเล็ก ทำงานได้เร็ว
- ลักษณะภาษาอยู่ในรูปของฟังก์ชัน
- สามารถใช้กับคอมพิวเตอร์ได้หลายระบบ
วิธีป้องกันไวรัสโดยการเขียนไฟล์ Autorun.inf ลงใน handy drive
วิธีป้องกันไวรัสโดยการเขียนไฟล์ autorun.inf ลงใน Handy Drive
มีไวรัส อยู่ หลายชนิด ที่อาศัย ไฟล์ Autorun.inf ในการกระจายตัวไปติดยังคอม พิวเตอร์ เครื่องอื่นๆ ในเมื่อ ไวรัส อาศัยไฟล์ ดังกล่าว
แล้วจะทำอย่างไร ที่จะไม่ให้ไวรัส ใช้ไฟล์ดังกล่าวได้สะดวกครับ อ่านต่อเลยครับ
แล้วจะทำอย่างไร ที่จะไม่ให้ไวรัส ใช้ไฟล์ดังกล่าวได้สะดวกครับ อ่านต่อเลยครับ
เราก็ต้องเริ่มจากการสร้างไฟล์ autorun.inf ครับ สร้างไว้ใน Handy Drive ครับ
เพื่อป้องกัน virus ที่อยู่ใน Handy Drive ทำงานแบบ autorun ทำตามรูปเลยละกันนะครับ ง่ายมากๆครับ
เพื่อป้องกัน virus ที่อยู่ใน Handy Drive ทำงานแบบ autorun ทำตามรูปเลยละกันนะครับ ง่ายมากๆครับ
ต่อมาก็เปลี่ยนแอดทิบิวไฟล์ autorun.inf
ผมได้ทดสอบแล้วว่า วิธีการนี้ สามารถ ป้องกันไวรัส ที่จะอาศัยไฟล์ autorun.inf ในการแผ่กระจายตัวออกไป ได้ดีทีเร็ว
ถึงแม้ จะไม่ได้ป้องกัน ไม่ให้ไวรัสเขียนไฟล์ไวรัส ลงใน Handy Drive ได้ ก็ตาม
แต่ ก็ สามารถป้องกัน การเขียนไฟล์ Autorun.inf ได้อย่างได้ผล ครับ
ถึงแม้ จะไม่ได้ป้องกัน ไม่ให้ไวรัสเขียนไฟล์ไวรัส ลงใน Handy Drive ได้ ก็ตาม
แต่ ก็ สามารถป้องกัน การเขียนไฟล์ Autorun.inf ได้อย่างได้ผล ครับ
ข้อมูลจาก - คุณ ประทุมคอยฝน@Crazy Dogter แห่ง com-th.net
วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
[Android คืออะไร?] รู้จัก Android (แอนดรอยด์)และวิธีการเลือกซื้อมือถือ Android Phone
แอนดรอยด์ (Android) คืออะไร?
คู่แข่ง iPhone?
วงการมือถือในปัจจุบันมีโทรศัพท์กลุ่มที่เรียกว่า SmartPhone ซึ่งคือมือถือที่ทำอะไรได้มากกว่า โทรเข้า-ออก โดย สามารถเข้าถึงบริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ตผ่าน App(แอพลิเคชั่น หรือโปรแกรม)บน Smartphone ทำให้โทรศัพท์มือถือในกลุ่ม SmartPhone เป็นอะไรที่ดึงดูดผู้ใช้งานมือถือที่ต้องการอะไรที่ใหม่ๆ เข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร และเกิด LifeStyle ใหม่ๆ ซึ่งในปัจจุบัน เจ้าตลาด SmartPhone คือ iPhone ของบริษัทแอปเปิ้ล ที่โด่งดังมาตลอดในช่าม 3-5 ปีที่ผ่านมา โดยยังไม่มีใครมาทาบรัศมีได้.. แต่แล้วในปีนี้เราเริ่มจะเห็นมือถือหลายรุ่นที่มีหน้าตาการทำงานคล้ายกัน และมีความสามารถที่ทัดเทียมกับ iPhone และในบางกระแสบอกว่า ความสามารถของเจ้ามือถือนี้ ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า iPhone เสียอีก… ผู้คนเรียกขานเจ้ามือถือหลายรุ่น หลายยี่ห้อ แต่มีหน้าตาการทำงานที่เหมือนกันนี้ว่า “Android(แอนดรอยด์) Phone”
ต้นกำเนิด แอนดรอยด์ (Android)
วิธีการเลือกซื้อมือถือ Android Phone
1. เลือกเวอร์ชั่นของ Android OS
เนื่องจาก Android(แอนดรอยด์) Phone เป็นมือถือที่มีส่วนประกอบของ ระบบปฏิบัติการเป็นส่วนสำคัญ ดังนั้นการเลือกซื้อ Android Phone จึงจำเป็นต้องพิจารณาถึง เวอร์ชั่นของ Android(แอนดรอยด์) OS ที่เราต้องการด้วยครับ ซึ่งเมื่อไปที่ร้านมือถือตั้งใจจะซื้อ Android Phone สักเครื่อง แต่แล้วเราก็จะมึนงง เพราะว่ามือถือ Android Phone แต่ละยี่ห้อใช้ Android คนละเวอร์ชั่น! แล้วเราจะเลือกยังไงกันดี แล้ว เราต้องใช้รุ่นไหนยังไง.. Android Phone รุ่นไหนคุ้มไม่คุ้มยังไง… ความมืดแปดด้านของการเลือก Android Phone ก็เริ่มครอบงำเรา… งั้นเรามาดูรายละเอียดว่า Android(แอนดรอยด์) OS แต่ละรุ่นมีความสามารถอะไรกันบ้างดีกว่าครับ เราจะได้รู้ว่า โทรศัพท์ Android Phone รุ่นที่เราเล็งอยู่นั้น มันทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้บ้าง
Android(แอนดรอยด์) 1.5 (Cupcake) Android Phone ที่ ใช้ Android(แอนดรอยด์) 1.5 จะมีความสามารถหลักๆดังนี้ ควบคุมด้วย Touch Screen
|
Android(แอนดรอยด์) 1.6 (Donut) Android Phone ที่ลงระบบ Android 1.6 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 1.5 ดังนี้ Web History / contact list Search
|
Android(แอนดรอยด์) 2.0/2.1 (Eclair) Android Phone ที่ลงระบบ Android 2.0/2.1 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 1.6 ดังนี้ Performance
|
Android(แอนดรอยด์) 2.2 (Froyo) Android Phone ที่ลงระบบ Android 2.2 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 2.1 ดังนี้ Performance
|
Android(แอนดรอยด์) 2.3/2.4 (Gingerbread) Android Phone ที่ลงระบบ Android 2.3/2.4 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 2.2 ดังนี้ การแสดงผล
|
Android(แอนดรอยด์) 3.0 / 3.1 (Honeycomb) Android Phone ที่ลงระบบ Android 3.0 / 3.1 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 2.3 ดังนี้ การแสดงผล
หมายเหตุ : เนื่องจาก ระบบปฏิบัติการ Android 3.0 / 3.1 / 3.2 นั้นถูกพัฒนามาสำหรับ แท็ปเล็ต เป็นหลัก ภายในตารางจึงเป็นชื่อรุ่นของ Tablet ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Andriod 3.0 / 3.1 / 3.2 |
Android(แอนดรอยด์) 4.0 (Ice Cream Sandwich) Android Phone ที่ลงระบบ Android 4.0 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 3.0 ดังนี้ การแสดงผล
|
Android(แอนดรอยด์) 4.1 (Jelly Bean) Android Phone ที่ลงระบบ Android 4.1 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 4.0 ดังนี้ Performance
|
แอนดรอยด์ เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด Android Key Lime Pie ??
2. พิจารณาคุณสมบัติด้านอุปกรณ์ในตัวเครื่อง
นอกจากจะต้องพิจารณา Android(แอนดรอยด์) OS แล้วเรายังต้องพิจารณาคุณสมบัติของอุปกรณ์ในเครื่องด้วยนะครับ ซึ่งประกอบไปด้วย
- หน้าจอ ใช้วัสดุอะไรในการประกอบ ซึ่งมีตั้งแต่ LCD LED AMOLED หรือ Super AMOLED ตัวใหม่แบบอินเทรนด์
- หน้าจอ รองรับการใช้ Touch screen และ multi touch screen หรือไม่
- CPU ที่ใช้เป็นยี่ห้ออะไร มีความเร็วเท่าไหร่ โดย มีหน่วยวัดเป็น Hz นะครับ คล้ายการวัดใน cpu เครื่องคอมพิวเตอร์ และแน่นอนว่า ยิ่งมีความเร็วมาก ก็ยิ่งดีครับ(ก็จะมีราคาสูงตามนะครับ)
- หน่วยความจำภายใน เนื่องจาก Android Phone ต้องการหน่วยความจำภายในตัวหลักในการลง Android OS และ App สำหรับการใช้งาน(สำหรับ Android 2.2 จะสามารถลง App ใน sd-card ได้ ปัญหาเรื่องนี้จึงไม่มี แต่ถ้าเป็น Android(แอนดรอยด์)รุ่นต่ำกว่านี้ ต้องคิดเรื่อง ความจุของหน่วยความจำให้ดีครับ)
- คุณภาพของเสียง ซึ่งผู้ผลิตแต่ละรายก็จะมี มาตรฐานการพัฒนาคุณภาพเสียงที่แตกต่างกันออกไป เป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญครับ
- อุปกรณ์รับสัญญาณ GPS เป็นชิ ปประมวลผลเล็กๆที่อยู่ใน Android Phone ซึ่งเจ้าตัวนี้มีผลต่อการใช้งาน Application หลายตัวเลยนะครับ Android Phone บางรุ่นมีอุปกรณ์รับสัญญาณ GPS บางตัวก็ไม่มีครับ
- อุปกรณ์รับสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ เข็มทิศดิจิตอล แบบที่เห็นใน iPhone นั่นเองครับ
- คุณภาพของกล้องที่ Android Phone แต่ละรุ่นก็จะมีความสามารถในการถ่ายรูปที่ไม่เท่ากันครับ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเลนส์และหน่วยประมวลภาพ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)